[คนมีรถต้องรู้] ตรวจสภาพรถ ก่อนต่อภาษี กี่บาท ใช้เอกสารอะไรบ้าง รถอายุกี่ปีต้องตรวจ?
คนที่เพิ่งจะมีรถยนต์ หรือรถจักรยานยนต์ใหม่ๆ อาจจะยังไม่ทราบว่าเมื่อรถของเราอายุมากขึ้น ก่อนการต่อภาษีรถในแต่ละปี จะต้องตรวจสภาพรถก่อนจึงจะสามารถทำการต่อภาษี (ชำระภาษี) ประจำปี วันนี้อนันต์มันนี่จึงขอรวบรวมข้อมูล สำหรับการตรวจสภาพรถ ก่อนต่อภาษี ว่าจะต้องเสียค่าใช้จ่ายกี่บาท ใช้เอกสารอะไรบ้าง ตรวจเช็กอะไรบ้าง สามารถไปตรวจสภาพรถได้ที่ไหน โดยอ้างอิงข้อมูลจากกรมการขนส่งทางบก ดังนี้เลย!
📌 ทำไมต้องตรวจสภาพรถ (รถยนต์, รถจักรยานยนต์) :
รถที่จะนำมาใช้ในการขนส่งตามพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. 2522 หรือนำมาจดทะเบียนตามพระราชบัญญัติรถยนตร์ พ.ศ. 2522 จะต้องมีสภาพมั่นคง แข็งแรง มีลักษณะ ขนาด และเครื่องอุปกรณ์ส่วนควบของรถ ถูกต้องตามที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวง ทั้งนี้ก็เพื่อความปลอดภัยของผู้ขับรถ ผู้โดยสารไปกับรถคันนั้น ผู้ขับขี่รถคันอื่นๆ คนเดินถนน รวมทั้งสภาพแวดล้อมต่างๆ นั่นเองครับ
📌 รถที่อยู่ในข่ายต้องตรวจสภาพรถ ก่อนเสียภาษีประจำปี
1. รถตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบกทุกประเภท โดยไม่จำกัดอายุการใช้งาน
2. รถตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ ประเภทรถดังนี้
2.1 รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน ที่มีอายุใช้งานครบ 7 ปี ขึ้นไป
2.2 รถยนต์นั่งส่วนบุคคลเกิน 7 คน ที่มีอายุใช้งานครบ 7 ปี ขึ้นไป
2.3 รถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล ที่มีอายุใช้งานครบ 7 ปี ขึ้นไป
2.4 รถจักรยานยนต์ ที่มีอายุใช้งานครบ 5 ปี ขึ้นไป
** การนับอายุการใช้งานของรถ ให้นับอายุทางทะเบียน โดยนับตั้งแต่วันที่จดทะเบียนครั้งแรก ถึงวันสิ้นสุดอายุภาษีประจำปี (วันครบกำหนดเสียภาษีประจำปี) **
📌 ตรวจสภาพรถ ที่ไหน
1. สถานตรวจสภาพรถเอกชน (ตรอ.) ที่ได้รับอนุญาตจากกรมการขนส่งทางบก
2. หรือตรวจที่หน่วยงานของกรมการขนส่งทางบก ในจังหวัดนั้นๆก็ได้
** รถที่มีการดัดแปลงสภาพ รถที่เปลี่ยนสี เปลี่ยนเครื่องยนต์ เปลี่ยนลักษณะรถ เปลี่ยนชนิดน้ำมันเชื้อเพลิง รถที่มีปัญหาเกี่ยวกับเลขตัวรถ หรือเลขเครื่องยนต์ รถที่ขาดต่ออายุทะเบียนเกิน 1 ปี รถที่มีปัญหาเกี่ยวกับการถูกโจรกรรมแล้วได้คืน รถเก่าที่มีเลขทะเบียนเป็นเลขทะเบียนรุ่นเก่า ( เช่น กท-00001, กทจ-0001 เป็นต้น) ฯลฯ ให้นำรถไปตรวจสภาพ ณ หน่วยงานของกรมการขนส่งทางบก **
📌 ระยะเวลาที่ต้องนำรถไปตรวจสภาพ
การตรวจสภาพรถ สามารถนำรถไปตรวจสภาพล่วงหน้าได้ไม่เกิน 3 เดือน ก่อนถึงวันสิ้นอายุภาษีประจำปี
📌 ตรวจสภาพรถ ต้องเตรียมเอกสารอะไรบ้าง
คู่มือจดทะเบียนรถ (รถยนต์ : เล่มสีฟ้า / จักรยานยนต์ : เล่มสีเขียว) โดยสามารถใช้ได้ทั้งฉบับจริง หรือฉบับสำเนาก็ได้
📌 ตรวจสภาพรถยนต์ ตรวจอะไรบ้าง
• ตรวจสอบความถูกต้องข้อมูลของรถ ไม่ว่าจะเป็นแผ่นป้ายทะเบียนรถ ลักษณะรถ หมายเลขตัวถัง เลขเครื่องยนต์
• ตรวจสภาพของตัวรถ ไม่ว่าจะเป็นตัวถัง สี อุปกรณ์เกี่ยวกับความปลอดภัย พวงมาลัย ที่ปัดน้ำฝน ว่าพร้อมใช้งานมากน้อยขนาดไหน
• ตรวจสอบระบบบังคับเลี้ยว ระบบเบรก ว่ายังใช้งานได้ปกติหรือไม่
• ทดสอบประสิทธิภาพการเบรก โดยตรวจสอบอุปกรณ์ทุกชิ้นให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน
• ตรวจสอบวัดโคมไฟหน้า ทิศทางการเบี่ยงเบนของแสง และวัดค่าความเข้มของแสง
• ตรวจสอบวัดก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ (CO) และก๊าซไฮโดรคาร์บอน (HC) ของรถยนต์ส่วนบุคคลไม่เกิน 7 ที่นั่ง
• รถยนต์เครื่องดีเซล ต้องตรวจควันดำ โดยระบบการกรองต้องไม่เกินร้อยละ 50 และระบบความทึบแสงต้องไม่เกินร้อยละ 45
• การตรวจวัดเสียงรถ ต้องไม่เกิน 100 เดซิเบล
• สำหรับรถใช้แก๊สนั้นจะต้องมีการตรวจเพิ่มเติม คือ การตรวจ ทดสอบ เช็กตามข้อต่อ ตลอดจนท่อและอุปกรณ์แก๊สทั้งระบบ ว่ามีความสมบูรณ์พร้อมใช้งานหรือไม่ โดยถังแก๊สต้องมีอายุไม่เกิน 10 ปี
• รถที่ติดถังแก๊สที่มีอายุเกิน 10 ปี จะมีการตรวจสอบว่ายังใช้งานได้ต่ออีกหรือไม่ โดยจะพิจารณาจากอุปกรณ์ที่ติดตั้งว่ามีความสมบูรณ์พร้อมใช้งานมากน้อยขนาดไหน ซึ่งถ้าตรวจสอบแล้วก็จะออกใบรับรองเพื่อยืดอายุการใช้งานต่อได้อีก 5 ปี ตามกฎหมาย
📌 ตรวจสภาพรถจักรยานยนต์ ตรวจอะไรบ้าง
• ตรวจสอบสภาพโดยรวมของรถ ชุดสี ชุดแฟริ่ง กระจกมองหลัง ว่ายังอยู่ในสภาพที่ใช้งานได้ปกติหรือไม่
• เช็กระบบไฟส่องสว่าง ทั้งไฟหน้า ไฟท้าย ไฟเบรก และไฟเลี้ยว ต้องไม่มีหลอดไฟขาด สามารถส่องสว่างและใช้งานได้ทุกดวง
• ระบบเสียงแตร เวลากดต้องมีเสียงแตรดังออกมา
• ระบบเบรก ตรวจเช็กระบบเบรก สามารถหยุดหรือชะลอเบรกได้
• ค่าไอเสียมลพิษทางอากาศที่ถูกปล่อยว่าเป็นไปตามข้อบังคับหรือไม่
** หากผลการตรวจสภาพปรากฏว่า รถอยู่ในเกณฑ์ผ่านการตรวจสภาพ สถานตรวจสภาพรถ จะออกใบรับรองการตรวจสภาพรถ ตามแบบที่กรมการขนส่งทางบกกำหนด เราก็ใช้เอกสารนี้แหละครับ ไปใช้ประกอบการต่อภาษีรถ (ชำระภาษีประจำปี) **
** หากรถของเรามีข้อบกพร่อง ก็จะตรวจสภาพไม่ผ่านนะครับ แต่ก็ไม่ต้องเครียดครับ เราสามารถนำรถไปซ่อมปรับปรุงแล้วค่อยนำกลับมาตรวจสภาพอีกครั้งกับสถานตรวจสภาพรถที่เดิมภายใน 15 วัน ทั้งนี้เพื่อรักษาสิทธิ์จ่ายค่าตรวจสภาพครึ่งหนึ่งของค่าบริการตรวจสภาพรถ แต่ถ้าเกิน 15 วันไปแล้ว หรือนำรถไปตรวจสภาพกับสถานตรวจสภาพรถที่อื่น จะต้องจ่ายราคาเต็มครับ **
📌 ค่าตรวจสภาพรถ (อัพเดทล่าสุด ปี 2565)
• รถจักรยานยนต์ คันละ 60 บาท
• รถยนต์ที่มีน้ำหนักรถเปล่าไม่เกิน 2,000 กิโลกรัม คันละ 200 บาท
• รถยนต์ที่มีน้ำหนักรถเปล่าเกิน 2,000 กิโลกรัม คันละ 300 บาท
หลังจากตรวจสภาพรถผ่านแล้ว เราจะได้เอกสาร เป็นใบรับรองการตรวจสภาพรถ เพื่อนำไปใช้ในการยื่นต่อภาษีรถประจำปี โดยจะต้องซื้อ พ.ร.บ. (ประกันภัยภาคบังคับ) ด้วยนะครับ ราคาของ พ.ร.บ. จะแตกต่างกันตามประเภทของการใช้รถ สำหรับ รถยนต์ส่วนบุคคล จะมีราคาดังนี้ครับ
• รถส่วนบุคคลไม่เกิน 7 ที่นั่ง ราคาอยู่ที่ 600 บาท
• รถส่วนบุคคลเกิน 7 ที่นั่ง แต่ไม่เกิน 15 ที่นั่ง ราคาอยู่ที่ 1,100 บาท
• รถส่วนบุคคลเกิน 15 ที่นั่ง แต่ไม่เกิน 20 ที่นั่ง ราคาอยู่ที่ 2,050 บาท
• รถส่วนบุคคลเกิน 20 ที่นั่ง แต่ไม่เกิน 40 ที่นั่ง ราคาอยู่ที่ 3,200 บาท
• รถส่วนบุคคลเกิน 40 ที่นั่ง ราคาอยู่ที่ 3,740 บาท
# ราคา พ.ร.บ. ของรถจักรยานยนต์ ดังนี้ครับ
• รถจักรยานยนต์ขนาดเครื่องยนต์ไม่เกิน 75 ซี.ซี. ราคาอยู่ที่ 161.57 บาท
• รถจักรยานยนต์ขนาดเครื่องยนต์เกิน 75-125 ซี.ซี ราคาอยู่ที่ 323.14 บาท
• รถจักรยานยนต์ขนาดเครื่องยนต์เกิน 125-150 ซี.ซี. ราคาอยู่ที่ 430.14 บาท
• รถจักรยานยนต์ขนาดเครื่องยนต์เกิน 150 ซี.ซี. ขึ้นไป ราคาอยู่ที่ 645.21 บาท
• รถจักรยานยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า ราคาอยู่ที่ 323.14 บาท
📌 เอกสารประกอบการต่อภาษีรถประจำปี
• พ.ร.บ. (ประกันภัยภาคบังคับ) ซื้อที่สถานตรวจสภาพรถก็ได้ หรือจะซื้อออนไลน์ ก็ได้ครับ
• เล่มทะเบียนรถ ฉบับจริง หรือสำเนาก็ได้ (มอเตอร์ไซค์ เตรียมเล่มสีเขียว, รถยนต์ เตรียมเล่มสีน้ำเงิน)
• ใบรับรองการตรวจสภาพรถ
รถยนต์เก่า หรือรถจักรยานยนต์เก่า ที่มีอายุถึงเกณฑ์ ต้องตรวจสภาพเป็นประจำทุกปี ทั้งนี้เพราะใบรับรองการตรวจสภาพรถ เป็นอีกหนึ่งในเอกสารที่ใช้สำหรับการต่อภาษีรถประจำปี และที่สำคัญไปกว่านั้นคือเราจะได้ทราบสภาพรถของเรา ว่ามีความบกพร่องชำรุดหรือเสียหายที่จะส่งผลต่อความปลอดภัยหรือไม่ เราจะได้แก้ไขซ่อมแซมให้เรียบร้อยจะได้อุ่นใจปลอดภัยเมื่อนำไปขับขี่ครับ